วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

น้ำยาอเนกประสงค์สูตรชีวภาพ5
นายาอเนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ)
วิธีทำ 1. ล้างกระป๋องและตะกร้าพลาสติก ทิ้งไว้ให้แห้ง นำตะกร้าใส่ใน
กระป๋องพลาสติก
2. ชั่งเปลือกสับปะรด 30 กก. จากนั้นนำมาล้างน้ำให้สะอาดหรือแช่
ในน้ำหมักชีวภาพหรือ EM ผสมน้ำสะอาด ในอัตรา 1:100 เพื่อล้าง สารเคมีที่ติดมากับเปลือก โดยแช่ทิ้งไว้ประมาณ 1/2 ชั่วโมง
3. สับเป็นชิ้นเล็ก โดยวางถุงพลาสติกบนจานรองก่อน แล้วนำไปเท
ใส่ในตะกร้า
4. น้ำตาลทรายแดงผสมกับน้ำหมักชีวภาพหรือ EM คนน้ำตาลทราย
แดงจนละลายหมด
5. นำวัสดุข้อ 3 กับ 4 เทลงในตะกร้าสับปะรด คนให้เข้ากัน เติมน้ำ
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านบุญ 6 สะอาดที่เตรียมไว้ใส่ให้ท่วมเนื้อวัสดุ ปิดฝาทิ้งไว้ 15
วัน เมื่อหมักไว้ 2-3 วัน คนให้เข้ากันอีกครั้ง
ถังที่หมักควรเก็บในที่มีแสงน้อย ภายในห้องหรือใน
ที่ร่มที่อุณหภูมิปกติ เพราะเชื้อจุลินทรีย์ในน้ำหมักชีวภาพ
ชอบความมืด และต้องอยู่ในที่ไม่ร้อนจัดหรือเย็นจัด การหมัก
จะเกิดฝ้าขาวเหนือผิวน้ำแสดงว่าการหมักได้ผล เมื่อกวนลง
ไปฝ้าสีขาวจะสลายตัวกลับไปอยู่ในน้ำเหมือนเดิม นำน้ำสกัด
ชีวภาพที่ได้กรองด้วยผ้าขาวบางโดยไม่ต้องบีบคั้นกาก จาก
นั้นนำน้ำสกัดชีวภาพใส่ถังปิดไว้ให้แน่น และปล่อยให้ตก
ตะกอนอีก 2 – 3 วัน (ใส่กากสับปะรดที่หมักแล้วในตะกร้า
ปล่อยให้น้ำหยดเอง หากคั้นกากน้ำสกัดที่ได้สีจะขุ่นไม่น่า
ใช้ ส่วนกากที่เหลือสามารถนำไปผสมดินปลูกต้นไม้ได้ )
7 นายาอเนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ) วิธีใช้ ใช้ล้างจาน พื้นห้องน้ำ พื้นบ้าน โดยไม่ต้องผสมน้ำ ใช้เหมือนน้ำยาตามท้องตลาด การล้างจานจำนวนมากควร
แช่จานในน้ำยาล้างจานผสมน้ำ (สัดส่วนน้ำยาล้างจาน 1
ส่วน : น้ำ 5 ส่วน) แช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีก่อนล้าง เพื่อ
ให้สะอาดทั่วถึง แล้วล้างน้ำสะอาดจนกว่าแน่ใจว่าสะอาด
ควรตากจานให้แห้งก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันการตกค้างของ
จุลินทรีย์ในหยดน้ำที่เกาะอยู่บนจาน
น้ำยาเอนกประสงค์สามารถนำไปใช้ล้างจาน ล้าง
พื้นห้องน้ำ พื้นบ้าน ได้อย่างสะอาด ขจัดคราบมันในครัวได้
เป็นอย่างดี โดยจากสองพลังบวก คือกรดเปรี้ยวจากน้ำผลไม้
ซึ่งช่วยทำให้ไขมันแตกตัวและเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งจะย่อยคราบ
ไขมันทำให้ไม่มีกลิ่นตกค้างเหม็นบูด อีกทั้งยังถนอมมือไม่ทำ
ให้มือแห้งแตกหรือลอกเหมือนน้ำยาเคมีตามท้องตลาด ที่
สำคัญไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
หมายเหตุ น้ำยาเอนกประสงค์สูตรนี้ระยะแรกๆ สีจะขุ่น
ต่อมาจะตกตะกอน กลิ่นจะฉุนคล้ายไวน์มากขึ้นเรื่อยๆ
และสีจะใสน่าใช้ยิ่งขึ้น น้ำยาเอนกประสงค์สามารถใช้
เป็นน้ำยาล้างมือได้อย่างปลอดภัยทำให้มือนุ่ม โดยใช้
น้ำสกัดชีวภาพ 1 ลิตร ต่อ น้ำสะอาด 2 ลิตร สับปะรด
20 กก. ผสมกับน้ำต้มจากต้นไมยราพ โดยต้มจนเดือด
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านบุญ 8 แล้วปล่อยให้เย็น นำมาผสมให้เข้ากัน เป็นน้ำยาล้างมือที่จะ
ทำให้มือนุ่ม
วัสดุที่ใช้แทนเปลือกสับปะรด ได้แก่ มะขามเปียก
มะกรูด มะเฟือง กากกระเจี๊ยบที่ต้มน้ำแล้ว เปลือกมะนาว
เปลือกส้ม เปลือกเสาวรส เปลือกส้มโอ หรือเปลือกผลไม้ที่
มีรสเปรี้ยวๆ เพราะมีสภาพเป็นกรดเหมือนกับสับปะรด ฤดูกาลไหน วัสดุใดมีราคาถูกก็ใช้วัสดุนั้น ตามหลักควรใช้
เปลือก หลังจากหมักทำน้ำยาก็เอากากที่หมักแล้วไปทำปุ๋ย
ไม่มีการทิ้งเปล่า การทำน้ำยาอเนกประสงค์ จำนวนมาก
น้อยให้ใช้ตามสัดส่วนดังกล่าวข้างต้น
สรุปเปรียบเทียบ จากผลการใช้น้ำยาเอนกประสงค์สามารถเห็นความ
แตกต่าง จากน้ำยาเคมีตามท้องตลาดคือ
- กรณีที่ไม่ได้ตากผ้าในทันทีหลังซัก โดยทิ้ง
ไว้หลายชั่วโมง ผ้าที่ซักด้วยน้ำยาเอนกประสงค์
จะไม่เหม็นบูด เนื่องจากน้ำชีวภาพมีจุลินทรีย์
ชนิดที่ดี สามารถควบคุม และกำจัดจุลินทรีย์
ที่ไม่ดี ซึ่งจะทำให้เสื้อผ้าหรือสิ่งของเน่าเหม็น
น้ำยาเอนกประสงค์ จึงช่วยป้องกันไม่ให้เกิด
การหมักหมม อันเกิดจากแบคทีเรียหรือ
จุลินทรีย์ตัวร้าย



สูตร
การทำแชมพูมะกรูด 100% ไร้สารพิษ
มะกรูด เป็นสมุนไพรพื้นบ้านมีสรรพคุณลด
อาการคัน รังแค ผมแห้ง ทำให้ผมดกดำเป็นเงางาม
สามารถใช้สระล้างสารพิษจากการย้อม ยืด และโกรกผม
ให้หลุดออกไป แชมพูมะกรูด 100% ตามแนวเศรษฐกิจ
พอเพียง มีวิธีการผลิตที่ง่ายและรวดเร็ว สามารถทำใช้
ได้เองในครัวเรือน
ส่วนผสม มะกรูดแก่จัดตามจำนวนที่ต้องการวิธีทำ 1. นำมะกรูดไปย่างไฟให้พอเหลือง ผ่าควักเอาเมล็ดออก หั่นเป็นชิ้น
ขนาดพอเหมาะ
2. เติมน้ำพอท่วม แล้วปั่นให้ละเอียด
3. กรองเอาเฉพาะน้ำโดยใช้ผ้าขาวบาง จากนั้นนำมาตั้งไฟให้พออุ่น
เพื่อฆ่าเชื้อ แล้วกรอกใส่ขวดขณะยังอุ่นอยู่
น้ำยาเอนกประสงค์11 นายาอเนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ) วิธีใช้ 1. ชโลมผมให้เปียกด้วยน้ำ แล้วนวดเพื่อเปิดรูขุมขน หรือใช้ผสมน้ำ
อาบก็ได้
2. เก็บในตู้เย็น ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องปกติสามารถเก็บไว้ได้ 1 เดือน
หมายเหตุ ไม่มีฟอง เหมาะสำหรับผู้ที่ห่วงใยในเส้นผมและผิวพรรณเป็น
พิเศษ เพราะไม่มีส่วนผสมของสารเคมี

การทำน้ำยาเอนกประสงค์สูตรมีฟอง
ส่วนผสมแชมพูสมุนไพร
1. หัวเชื้อแชมพู (N 70) 1,000 กรัม
2. น้ำเกลือ 400 กรัม
3. ผงฟอง 100 กรัม
4. น้ำมันมะกอก 100 กรัม
5. ลาโนลีน 100 กรัม
6. กลิ่น (ใช้หัวน้ำหอม) 1 ออนซ์
7. น้ำสมุนไพร 3,750 กรัม
8. น้ำสะอาด 2 ลิตร
สมุนไพรที่ใช้ เช่น น้ำมะกรูด น้ำดอกอัญชัญ ควรต้มให้เดือดก่อน
ส่วนผสมครีมอาบน้ำสมุนไพร 1. หัวเชื้อแชมพู (N 70) 1,000 กรัม
2. น้ำเกลือ 400 กรัม
3. ผงฟอง 100 กรัม
4. น้ำผึ้ง 100 กรัม
13 นายาอเนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ) 5. ลาโนลีน 100 กรัม
6. กลิ่นสบู่ 1 ออนซ์
7. น้ำสมุนไพร 3,750 กรัม
8. น้ำสะอาด 2 ลิตร
สมุนไพรที่ใช้ เช่น น้ำมะขามเปียก น้ำขมิ้น ควรต้มให้เดือดก่อน
ส่วนผสมน้ำยาซักผ้า 1. หัวเชื้อแชมพู (N 70) 1,000 กรัม
2. น้ำเกลือ 400 กรัม
3. ผงฟอง 100 กรัม
4. น้ำด่าง 5 ลิตร
5. ลาโนลีน 100 กรัม
6. กลิ่น(หัวน้ำหอม) 1 ออนซ์
ส่วนผสมน้ำยาล้างจาน 1. หัวเชื้อแชมพู (N 70) 1,000 กรัม
2. น้ำเกลือ 400 กรัม
ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติบ้านบุญ 14 3. ผงฟอง 100 กรัม
4. น้ำด่าง 5 ลิตร
5. กลิ่นมะนาว 1 ออนซ์
การเตรียมส่วนผสม (ใช้วิธีเดียวกัน) 1. ละลายลาโนลีนและผงฟองในน้ำอุ่น 1/2 ลิตร
2. วิธีทำน้ำด่าง ให้ใช้ขี้เถ้าไม้ที่ขาว สะอาด และใหม่ ใส่ในถังปริมาณ
ครึ่งถัง เติมน้ำจนเต็ม ทิ้งไว้ให้ขี้เถ้าตกตะกอนใช้เวลาประมาณ 7-10
วัน รินเอาน้ำด่างเฉพาะส่วนที่ใสมากรองให้สะอาด
3. วิธีทำน้ำเกลือ ให้ใช้เกลือที่ขาวสะอาด 1.5 กก. ผสมกับน้ำ 4 ลิตร
ต้มให้ละลายทิ้งไว้ให้ตกตะกอน รินเอาเฉพาะน้ำส่วนที่ใสมากรองให้
สะอาด
15 นายาอเนกประสงค์ (สูตรชีวภาพ) วิธีการทำ (ใช้วิธีเดียวกัน) 1. กวนหัวเชื้อแชมพู และน้ำเกลือจนเป็นเนื้อเดียวกัน สังเกตได้จาก
เนื้อครีมจะมึความเนียนลื่น โดยให้กวนไปทางเดียวกันตลอดห้ามวน
กลับเพราะจะเกิดฟอง
2. จากนั้นเติมส่วนผสมในข้อ 3, 4 และ 5 กวนช้าๆ แล้วค่อยๆ เติม
น้ำสมุนไพรทีละน้อย กวนช้าๆ โดยกวนไปทางเดียวกันเช่นเดิม
3. เติมส่วนผสมที่เหลือ กวนให้เข้ากันไม่น้อยกว่า 20 นาที แล้วตั้งไว้
ให้หมดฟอง จึงบรรจุใส่ภาชนะ
ข้อควรระวัง 1. ถ้ากวนไปคนละทางจะเกิดฟอง และต้องกวนนานๆ เพื่อป้องกัน
ไม่ให้เนื้อน้ำยาตกตะกอน
2. น้ำสมุนไพรที่จะนำมาผสมต้องตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอนเสียก่อน
3. ถ้าน้ำยาเอนกประสงค์เหลวเกินไปให้เติมน้ำเกลือเพิ่ม และถ้าข้น
เกินไปให้เติมน้ำสะอาด
4. หลังจากทำเสร็จควรเก็บไว้ 24 ชั่วโมง เพื่อให้ตัวยาและสมุนไพร
ได้ทำปฏิกริยากันก่อนนำไปใช้
แหล่งที่มาของข้อมูล• http:// mantarniwas.exteen.com/20071205/entry
• http://meesub.blogspot.com/2007/12/blog-post_7930.html
• http://surat1.edinno.net/view_inno_fulltext.php?inno_id=23
• http://school.obec.go.th
• http://www.yasopho.in.th

ผลิตภัณฑ์จักสานจากไม้ไผ

เงินลงทุน 

          ประมาณ 5,000-10,000 บาท

แหล่งจำหน่ายอุปกรณ์

          จังหวัดลำพูน เชียงใหม่ ชัยนาท จันทบุรี 
อุปกรณ์ 
          ไม้ไผ่ มีดขนาดต่างๆ เช่น มีดสำหรับผ่า มีดจักตอก ฯลฯ สว่านแบบมือหมุน เลื่อย ปากคีบแบบหุ่น
รายได้ 
          ประมาณ 8,000-15,000 บาท/เดือน
วิธีดำเนินการ 
          1. หาแหล่งที่จะซื้อไม้ไผ่ที่แปรรูปแล้ว และยังไม่แปรรูป

          2. ควรได้ศึกษาถึงชนิดการใช้งานของไม้ไผ่ชนิดต่างๆเนื่องจากไม้ไผ่แต่ละชนิดมีคุณ ลักษณะแตกต่างกัน เช่น
               -ไผ่สีสุก มีเนื้อหนา เหนียวทนทาน จึงเหมาะที่จะนำไปทำเครื่องจักสานประเภทเฟอร์นิเจอร์ เครื่องมือประมง
               -ไผ่นวล มีเนื้ออ่อนค่อนข้างเหนียว เหมาะที่จะนำไปทำเครื่องจักสานชนิดที่ต้องการความละเอียด เนื่องจากสามารถจักตอกให้เป็นเส้นเล็กบางได้
               -ไผ่รวกดำ ลำต้นแข็งแรงทนทาน ใช้ทำโครงร่ม โครงพัดสานเข่ง
               -ไผ่ข้าวหลาม เป็นไผ่เนื้อค่อนข้างบางใช้ทำกระบอกข้าวหลาม เครื่องจักสาน
               -ไผ่เฮี๊ยะ เป็นไม้ไผ่ขนาดกลาง ใช้ทำเครื่องจักสาน โครงสร้างอาคาร

          3. เตรียมไม้ไผ่เพื่อนำมาจักสาน ควรเป็นไผ่ที่มีอายุ 2-4 ปี ซึ่งเนื้อไม้จะมีความเหนียวกำลังดี ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปและต้องเลือกดูไม้ที่ไม่มีแมลง แต่อย่างไรก็ดีควรจะต้มหรือผ่านกรรมวิธีป้องกันเชื้อราและมอดเสียก่อน (ไม้ไผ่ที่นิยมนำมาใช้ในการจักสาน ได้แก่ ไผ่เลี้ยง ไผ่สีสุก ไผ่เฮี๊ยะ ไผ่ลำมะลอก ไผ่รวก เป็นต้น) จากนั้นจึงนำไปตัด ซึ่งต้องตัดให้มีความยาวตามขนาดผลิตภัณฑ์ที่จะสานแล้วนำไปริดข้อ ซึ่งต้องระวังอย่าริดให้ลึกจนเกิดรอยแผลที่ผิวไม้ไผ่ และขั้นตอนสุดท้าย คือ ขูดผิวไม้ไผ่ เพื่อการย้อม/ทาสี หลังจากขูดแล้ว ใช้กระดาษทรายเบอร์ 0 ขัดให้เรียบร้อยอีกครั้งหนึ่ง

          4. การย้อมและการทาสีไม้ไผ่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะทำให้เครื่องจักสานดูสวยงาม น่าใช้ ซึ่งก่อนที่จะทำการย้อมสี จะต้องเอาน้ำมันออกจากเนื้อไม้เสียก่อน โดยการต้มไม้ไผ่ในน้ำโซดาไฟหรือโซเดียมคาร์บอเนต ขนาด 0.2% นานประมาณ 3-4 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด และอบให้แห้งสนิทจากนั้นนำไม้ไผ่ลงต้มกับสีที่ละลายน้ำแล้ว ประมาณ 20-60 นาที อุณหภูมิ 90 องศาเซลเซียส ซึ่งขั้นตอนค่อนข้างยุ่งยาก ดังนั้น จึงนิยมใช้วิธีทาด้วยสีน้ำมันแลคเกอร์หรือน้ำมันวานิชแทน

          5. ติดต่อตลาดจำหน่าย ซึ่งโดยปกติจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้าน หรือบางครั้งจะรับสั่งทำตามที่ลูกค้าต้องการหรืออาจจะนำไปขายเองก็ได้

          6. ปรับปรุงและพัฒนารูปแบบของเครื่องจักรสานให้ทันสมัยเป็นที่ถูกตาต้องใจของลูกค้าทุกวัยเพราะบางครั้งลูกค้าซึ่งมีความเข้าใจว่าเครื่องจักสานเป็นสินค้าที่เหมาะกับผู้สูงอายุเท่านั้น
สถานที่ฝึกอบรม 
          1. สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โทร. 02-245-2655,245-4741
          2. ในส่วนภูมิภาคที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรม 11 ศูนย์ ดังนี้ เชียงใหม่ พิษณุโลก พิจิตร อุดรธานี ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ ชลบุรี สุพรรณบุรี สุราษฎร์ธานี สงขลา
          3. อุตสาหกรรมจังหวัด (ส่วนส่งเสริมอุตสาหกรรม) ทุกจังหวัด
ข้อแนะนำ 
          การย้อมสีให้ติดดีนั้น ให้ขูดผิวไม้ไผ่อย่างแผ่วๆ ด้วยมีดเสียก่อน และถ้าจะให้สีเด่นให้นำไม้ไผ่ลงแช่ในกรดแทนนิค แอซิค ชนิด 4-6 เป็นเวลา 3 ชั่วโมง หรือแช่ในน้ำยาทาอีเมติคชนิด 1-2 เป็นเวลา 30 นาที


ประวัติไม้ไผ่
ไผ่ เป็นไม้พุ่มหลายชนิดและหลายสกุลใน วงศ์หญ้า Poaceae (เดิมคือ Gramineae) วงศ์ย่อยBambusoideae เป็นไม้ไม่ผลัดใบใน ขึ้นเป็นกอ ลำต้นเป็นปล้องๆ เช่น ไผ่จีน (Arundinaria suberectaMunro) ไผ่ป่า (Bambusa arundinacea Willd.) ไผ่สีสุก (B. flexuosa Munro และ B. blumeanaSchult.) ไผ่ไร่ (Gigantochloa albociliata Munro) ไผ่ดำ (Phyllostachys nigra Munro).
ผลผลิตจากไผ่ที่สำคัญคือ หน่อไม้ ซึ่งเป็นอาหารสำคัญของคนไทย นิยมทานกันมากในเกือบทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน นอกจากนี้ไม้ไผ่ยังมีคุณสมบัติพิเศษทั้งด้านความแข็งแรงและยืดหยุ่นที่เหนือกว่าวัสดุสังเคราะห์หลายชนิด ดังนั้นจึงยังได้รับความนิยมในการทำเครื่องมือเครื่องใช้หลายประเภท ใช้ชะลอน้ำที่เข้าป่าชายเลน นั่งร้านก่อสร้างและบันได เป็นต้น

 

 

ไอเดียร์จากไม้ไผ่ สร้างอาชีพ

การนำไม้ไผ่ มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของ ให้ได้ดูเป็นไอเดียร์กันครับ บางท่านพอได้ดูแล้วอาจจะเกิดปิ้ง ไอเดียร์ ใหม่ ๆ เอาไปต่อยอดได้อีกเป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักได้อีกนะครับ

<> <> <>
bamboo-1bamboo-2bamboo-3
bamboo-4bamboo-5bamboo-6
bamboo-7bamboo-8bamboo-9
bamboo-10bamboo-11bamboo-16
bamboo-13bamboo-14bamboo-15
bamboo-12
ดูภาพขนาดใหญ่กรุณาคลิก

ขอบคุณไอเดียร์เก๋ ๆ จาก : /www.designboom.com


ไม่ไผ่ใครคิดว่าทำอะไรได้บ้าง..??
คำตอบมีมากมายเกินคำบรรยาย เกินกว่าจะเขียนให้หมดได้
ส่วนการนำไม้ไผ่มาใช้นั้นก็ขึ้นอยู่กับผู้ใช้เองว่า
จะนำมาประดิษฐ์ เป็นอะไร ทำเป็นอะไร
ไอเดียร์ใคร ไอเดียร์มัน
ย่อมแตกต่างกันไปครับ



แต่วันนี้ แค่จะหยิบยกตัวอย่างบางตอน
ของการนำไม้ไผ่ มาประดิษฐ์เป็นสิ่งของ ให้ได้ดูเป็นไอเดียร์กันครับ
บางท่านพอได้ดูแล้วอาจจะเกิดปิ้ง ไอเดียร์ ใหม่ ๆ เอาไปต่อยอดได้อีก
เป็นอาชีพเสริม หรืออาชีพหลักได้อีกนะครับ



ลองเอาไปทำกันดูนะครับวัสดุก็หาง่ายอยู่แล้วครับ ไม้ไผ่บ้านเรามีเยอะแยะไปครับ
สร้างงาน,สร้างอาชีพได้ สร้างรายได้เข้ากระเป๋าตัวเองไว้ก่อนดีกว่า
ปล่อยเวลาให้มันเดินผ่านไปวัน ๆ ไม่ทำก็ไม่รู้นะครับ
ทำก่อนได้ก่อน ขายก่อนรวยกว่า คิดได้ก็ทำได้ รายได้ก็มาครับ พี่น้อง


อ่ายแป้บ


อาหารสมุนไพรไทย จร้า

ยำใบบัวบก

ใบบัวบก ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ ชะลอความแก่ กระตุ้นการสมานแผลให้เร็วขึ้น
ส่วนผสมยำใบบัวบก
  • ใบบัวบก 20 ใบ
  • กุ้งเสียบ 15 ตัว
  • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
  • มะพร้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 3/4 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลเล็กน้อย
วิธีทำยำใบบัวบก
  1. ล้างใบบัวบกให้สะอาด หั่นเป็นท่อนพอดีคำ พักไว้
  2. ผสมน้ำพริกเผา มะพร้าวคั่ว น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลทรายเข้าด้วยกันเป็นน้ำยำ
  3. นำใบบัวบกมาคลุกเคล้ากับน้ำยำให้เข้ากัน จากนั้นตักใส่จานและโรยหน้าด้วยกุ้งเสียบ จัดแต่งให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
  4. นำปลากะพงที่ปั้นได้รูปแล้วเขาอบในเตา ก่อนที่จะนำไปทอดบนกระทะเทฟลอน ใส่น้ำสต๊อกผักลงไปเล็กน้อย
  5. แต่งหน้าด้วยมะเขือเทศหั่นขวาง ผักชี และใบสะระแหน่ พร้อมเสิร์ฟกับน้ำจิ้มรสเด็ด
สรรพคุณทางยา
  1. บัวบก ทั้งต้นรสหอมเย็น บำรุงหัวใจ บำรุงร่างกาย แก้อ่อนเพลีย แก้ไข้กระหายน้ำ แก้ช้ำใน
  2. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
  3. พริกขี้หนูสด รสเผ็ดร้อน ขับลม ช่วยย่อย ช่วยเจริญอาหาร
  4. มะนาว เปลือกผลรสขม ช่วยขับลม น้ำมะนาวรสเปรี้ยว แก้ไอ ขับเสมหะ แก้เลือดออกตามไรฟัน ฟอกโลหิต
คุณค่าทางโภชนาการ
ยำบัวบก 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่างกาย 285.67 กิโลแคลอรี่ ประกอบด้วย
  • น้ำ 284.23 กรัม
  • ไขมัน 3.58 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 42.63 กรัม
  • โปรตีน 21.67 กรัม
  • กาก 7.91 กรัม
  • แคลเซียม 1,174.66 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 379.86 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 17.49 มิลลิกรัม
  • วิตามินเอ 26,869.85 IU
  • วิตามินบีหนึ่ง 0.67 มิลลิกรัม
  • วิตามินบีสอง 0.34 มิลลิกรัม
  • ไนอาซิน 5.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 29.1 มิลลิกรัม